อาการเรอเปรี้ยวแสบร้อนกลางอกมีสาเหตุมาจากอะไรใช่โรคกรดไหลย้อนไหม

เรียบเรียงโดย

ทีมงานผู้เชี่ยวชาญด้านกรดไหลย้อน จากกาวิสคอน

อาการเรอเปรี้ยว แสบร้อนกลางอก เป็นอาการแสดงอย่างหนึ่งของโรคกรดไหลย้อน (GRED) พบได้บ่อยมากขึ้นเรื่อย ๆ ในปัจจุบัน ด้วยวิถีชีวิตที่ส่งเสริมให้มีพฤติกรรมก่อให้เกิดโรค เช่น การทานอาหารมื้อใหญ่ก่อนนอน การดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน เพื่อสร้างเอเนอจี้ตอนเช้าก่อนไปทำงาน หรือแม้กระทั่งการอยู่ในสังคมที่มีความเครียด วันนี้กาวิสคอนจะพาทุกคนไปทำความเข้าใจเกี่ยวกับโรคกรดไหลย้อน พร้อมบอกวิธีดูแล รักษา และป้องกันเบื้องต้น

โรคกรดไหลย้อน (GERD) คืออะไร

โรคกรดไหลย้อน (Gastroesophageal Reflux Disease: GERD) เป็นภาวะที่น้ำย่อยจากกระเพาะอาหารไหลย้อนขึ้นไปที่หลอดอาหาร ทำให้รู้สึกแสบร้อนบริเวณหน้าอก ลิ้นปี่ เรอเปรี้ยว และอาจมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น แสบคอ จุกที่คอ ซึ่งทุกคนอย่าชะล่าใจไป เพราะโรคกรดไหลย้อน สามารถทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่เป็นอันตรายได้

อาการของโรคกรดไหลย้อน มีอะไรบ้าง

นอกจากอาการ แสบร้อนบริเวณหน้าอก ลิ้นปี่ และ อาการเรอเปรี้ยว
ที่ต้องเผชิญเมื่อเป็นกรดไหลย้อน อาจมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย ดังนี้

  • ท้องอืด อาหารไม่ย่อย
  • รู้สึกแน่นท้อง จุกเสียด ไม่สบายตัว
  • จุกแน่นลิ้นปี่ บริเวณเหนือสะดือ
  • คลื่นไส้ อาเจียน หลังรับประทานอาหาร
  • แสบคอ จุกแน่นในลำคอ หรือมีความรู้สึกเจ็บเวลากลืนอาหาร

โรคกรดไหลย้อน แตกต่างจาก โรคกระเพาะอาหารอย่างไร

โรคกรดไหลย้อน และโรคกระเพาะอาหาร มีความแตกต่างกันทั้งในแง่ของสาเหตุ และอาการ โดยโรคกรดไหลย้อนเกิดจากกรดในกระเพาะอาหารไหลย้อนขึ้นมาสู่หลอดอาหาร ทำให้เกิดอาการแสบร้อนบริเวณหน้าอกจนถึงลำคอ หรือมีอาการเรอเปรี้ยว ซึ่งมักเกิดขึ้นหลังมื้ออาหารหรือเมื่อนอนราบหลังรับประทานอาหารเสร็จ ในขณะที่โรคกระเพาะอาหารเกิดจากการอักเสบของเยื่อบุกระเพาะอาหาร ทำให้มีอาการปวดแสบท้องบริเวณใต้ลิ้นปี่ ท้องอืด แน่นท้อง

สาเหตุ และปัจจัยเสี่ยงของโรคกรดไหลย้อน

สาเหตุหลัก ๆ ของการเกิดโรคกรดไหลย้อนที่ทำให้เราแสบร้อนหน้าอก อาการเรอเปรี้ยว มีด้วยกัน 2 สาเหตุ คือ

  • กล้ามเนื้อหูรูดหลอดอาหารส่วนล่างทำงานผิดปกติ ทำให้กรดในกระเพาะอาหารไหลย้อนขึ้นมาสู่หลอดอาหารได้
  • การบีบตัวของหลอดอาหารหรือกระเพาะอาหารทำงานผิดปกติ

นอกจากนี้ ยังมีสาเหตุอื่นหรือปัจจัยเสี่ยงที่ก่อให้เกิดโรคกรดไหลย้อน
เรอเปรี้ยว เช่น พฤติกรรมนอนทันทีหลังรับประทานอาหาร มีสภาวะหรือโรคเครียด สูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ น้ำอัดลม ทานอาหารไขมันสูง รวมถึงการตั้งครรภ์

ใครเสี่ยงเป็นกรดไหลย้อน

  • ผู้ที่มีพฤติกรรมนอนทันทีหลังรับประทานอาหาร
  • ผู้ที่รับประทานอาหารไม่เป็นเวลา
  • ผู้ที่รับประทานอาหารไขมันสูงหรืออาหารรสจัด
    เช่น เผ็ดจัด เปรี้ยวจัดเป็นประจำ
  • ผู้ที่มีน้ำหนักเกินหรือเป็นโรคอ้วน
  • ผู้ที่มีพฤติกรรมสูบบุหรี่ และดื่มแอลกอฮอล์หรือเครื่องดื่มอัดแก๊ส
  • ผู้ที่อยู่ในระหว่างตั้งครรภ์
  • ผู้ที่มีความเครียด สภาวะวิตกกังวล
  • ผู้เป็นโรคเบาหวาน

การวินิจฉัยโรคกรดไหลย้อน

หากมีอาการแสบร้อนหน้าอก จุกเสียด เรอเปรี้ยว และอาการอื่น ๆ
จนกระทบต่อชีวิตประจำวัน สามารถเข้ารับการวินิจฉัย โดยแพทย์จะซักถามอาการ และพิจารณาให้การรักษาเบื้องต้น แต่ในกรณีที่มีอาการรุนแรงหรือให้การรักษาแล้วอาการไม่ดีขึ้น จะต้องเข้ารับการวินิจฉัยเพิ่มเติม เช่น การส่องกล้องทางเดินอาหาร การตรวจวัดความเป็นกรด - ด่างในหลอดอาหาร การตรวจการบีบตัวของหลอดอาหาร เพื่อหาสาเหตุ และรับการรักษาที่ตรงจุด

วิธีรักษากรดไหลย้อน

เรอเปรี้ยววิธีแก้มีอะไรบ้าง มาดูวิธีการรักษากรดไหลย้อนหรืออาการจุกเสียด เรอเปรี้ยว ที่ทำให้เราอึดอัด ไม่สบายตัวกันเลย โดยแบ่งเป็น 3 วิธี คือ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม การทานยา และการผ่าตัด

  • ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่ทำให้เป็นกรดไหลย้อน เช่น ไม่นอนทันทีหรือออกกำลังกายทันทีหลังรับประทานอาหาร งดสูบบุหรี่ เป็นต้น
  • ทานยาบรรเทาอาการ เช่น ยาอัลจิเนต หรือยาลดกรดที่ช่วยป้องกันการไหลย้อนของกรดในกระเพาะอาหาร
  • เข้ารับการผ่าตัด สำหรับกรณีที่รักษาด้วยยาแล้วแต่อาการไม่ดีขึ้น

ภาวะแทรกซ้อนจากโรคกรดไหลย้อน

หากเป็นกรดไหลย้อน และปล่อยทิ้งไว้หรือละเลยไม่รับการรักษาอย่างเหมาะสม อาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ ที่อาจเป็นอันตรายได้
เช่น หลอดอาหารอักเสบ แผลในหลอดอาหาร มะเร็งหลอดอาหาร เพราะฉะนั้นใครที่เริ่มมีอาการของโรคกรดไหลย้อน ไม่ว่าจะจุกเสียด แสบร้อนหน้าอก เรอเปรี้ยว ท้องอืด อย่าชะล่าใจไป ควรรีบรักษาหรือบรรเทาอาการในทันทีเลย

เป็นกรดไหลย้อน สามารถทานอะไรได้บ้าง

ใครที่กำลังเผชิญกับโรคกรดไหลย้อน มาดูลิสต์อาหารที่สามารถทานได้แบบไร้กังวล

  • อาหารไขมันต่ำ และอาหารที่มีกากใยอาหารสูง เช่น อกไก่ เนื้อปลา ผัก ผลไม้ นมไขมันต่ำ
  • อาหารไขมันดี เช่น อะโวคาโด น้ำมันมะกอก ถั่ว
  • น้ำขิง ไล่ลม บรรเทาอาการท้องอืด และกระตุ้นการทำงานของระบบย่อยอาหาร

วิธีดูแลตัวเองเมื่อเป็นกรดไหลย้อน

เมื่อเป็นกรดไหลย้อน สามารถบรรเทาอาการหรือดูแลตัวเองเบื้องต้นด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่ก่อให้เกิดอาการ หรือทานยาอัลจิเนต ที่ช่วยป้องกันการไหลย้อนของกรดในกระเพาะอาหาร มีให้เลือกทั้งชนิดน้ำ ชนิดเม็ด และแบบซองพร้อมดื่ม สะดวก สามารถพกไปได้ทุกที่ ช่วยลดกรดในกระเพาะอาหาร ลดอาการอาหารไม่ย่อยจากกรดเกินได้อย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ ควรอ่านฉลากก่อนใช้ยา

วิธีป้องกันโรคกรดไหลย้อน

สุดท้าย 5 วิธีป้องกันกรดไหลย้อนหรือโอกาสที่ก่อให้เกิดอาการเรอเปรี้ยว จุกเสียด แสบร้อนหน้าอก มีดังนี้

  • ไม่นอนทันทีหลังรับประทานอาหาร ควรรอสักประมาณ
    2 ถึง 3 ชั่วโมง เพื่อให้อาหารย่อยก่อน
  • ไม่ออกกำลังกายทันทีหลังรับประทานอาหาร
  • หลีกเลี่ยงอาหารที่กระตุ้นอาการ เช่น อาหารไขมันสูง อาหารรสจัด เครื่องที่มีคาเฟอีน และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
  • แบ่งรับประทานอาหารเป็นมื้อเล็ก ๆ และเคี้ยวอาหารให้ละเอียด
    เพื่อช่วยลดแรงกดดันในกระเพาะอาหาร
  • และช่วยให้กระเพาะอาหารไม่ทำงานหนักจนเกินไป
  • งดพฤติกรรมสูบบุหรี่
  • พยายามควบคุมระดับความเครียด

โรคกรดไหลย้อน เสี่ยงเป็นมะเร็งได้หรือไม่?

โรคกรดไหลย้อนไม่ได้เป็นสาเหตุโดยตรงของมะเร็ง แต่อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งหลอดอาหารได้ หากเยื่อบุหลอดอาหารเกิดความผิดปกติ ใครที่เป็นโรคกรดไหลย้อน จึงควรดูแลรักษาอย่างเหมาะสม เพื่อป้องกันอาการแทรกซ้อน

ใครที่กำลังเผชิญกับโรคกรดไหลย้อนหรืออาการแสบร้อนกลางอก จุกเสียด อาการเรอเปรี้ยว ควรรีบดูแลและบรรเทาอาการในทันทีเลย เริ่มต้นด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ทานยาเพื่อช่วยบรรเทาอาการ หากอาการยังไม่ดีขึ้น ควรเข้าพบแพทย์ก่อนที่อาการจะรุนแรงจนเป็นอันตราย

แหล่งอ้างอิง:

บทความที่เกี่ยวข้อง