เรียบเรียงโดย
ทีมงานผู้เชี่ยวชาญด้านกรดไหลย้อน จากกาวิสคอน
ท้องอืด เป็นอาการที่ทุกคนต้องเคยเผชิญ และอาจคิดว่า ไม่ใช่โรคร้ายแรงอะไร เพราะสามารถดีขึ้น และหายได้เอง แต่รู้รึเปล่าว่า ท้องอืดเป็นหนึ่งในอาการของโรคกรดไหลย้อนที่หากปล่อยไว้ อาจเป็นอันตรายมากกว่าที่คิด มากไปกว่านั้น หากมีอาการท้องอืดติดต่อกันเป็นเวลานานมากกว่า 2 สัปดาห์หรือมีอาการรุนแรงอื่น ๆ ร่วมด้วย อาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคร้ายที่คุณคาดไม่ถึง วันนี้กาวิสคอนจะมาไขข้อสงสัยว่า ท้องอืดอาการเป็นอย่างไร รวมถึงบอกสาเหตุ การรักษา วิธีดูแลเบื้องต้น และเมื่อไหร่ที่ควรรีบไปพบแพทย์
อาการท้องอืด คืออะไร
ท้องอืด หรือ Bloated Stomach เป็นภาวะที่เกิดจากการมีแก๊สหรือลมในกระเพาะอาหาร และลำไส้จำนวนมาก ทำให้รู้สึกแน่นท้อง จุกเสียด และปวดท้อง ไม่สบายตัว มักทำให้ผายลมหรือเรอบ่อย และอาจมีอาการท้องเสียหรือท้องผูกร่วมด้วย ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน
อาการท้องอืด มีลักษณะอย่างไร
หากคุณสังเกตว่า ตัวเองมีอาการดังต่อไปนี้ สามารถบ่งบอกได้ว่า คุณกำลังเผชิญกับอาการท้องอืดอยู่
- รู้สึกแน่น จุกเสียด บริเวณท้องส่วนบน ระหว่างใต้ลิ้นปี่ และเหนือสะดือ
- ปวดท้อง คลื่นไส้
- ผายลมหรือเรอบ่อยครั้ง
- อาจมีเสียงโครกครากภายในท้อง
- ท้องอาจดูบวม
- ความอยากอาหารลดน้อยลง
สาเหตุของอาการท้องอืดคืออะไร
สาเหตุของอาการท้องอืด สามารถแบ่งออกเป็นสองสาเหตุหลัก ๆ ได้แก่ พฤติกรรมการรับประทานอาหาร และปัญหาสุขภาพ
- ท้องอืดจากพฤติกรรมการรับประทานอาหาร เช่น การรับประทานอาหารเร็วหรือมากเกินไป การรับประทานอาหารรสจัดหรืออาหารย่อยยาก การดื่มเครื่องดื่มที่มีแก๊ส เช่น น้ำอัดลม รวมถึงการรับประทานอาหารไม่เป็นเวลา
- ท้องอืดจากปัญหาสุขภาพหรือโรคทางเดินอาหาร เช่น โรคแผลในกระเพาะอาหาร กระเพาะอาหารอักเสบ และภาวะขาดเอนไซม์บางชนิด หรือแพ้สารอาหารบางชนิด รวมถึง ภาวะกรดเกินในกระเพาะอาหาร ซึ่งทำให้อาหารไม่ย่อย รวมถึงการเปลี่ยนแปลงฮอร์โมนในช่วงก่อนประจำเดือนมา พฤติกรรมการสูบบุหรี่ และการใช้ยาบางชนิด เช่น ยาคลายเครียด ยานอนหลับ ล้วนสามารถก่อให้เกิดอาการท้องอืดได้เช่นกัน
ท้องอืดเกิดจากโรคอะไรได้บ้าง
นอกจากสาเหตุด้านบนแล้ว ท้องอืดยังเป็นอาการที่เกิดได้จากโรคกรดไหลย้อน (GERD) หรือการที่น้ำย่อยหรือกรดในกระเพาะหลั่งกรดมากเกินไป ทำให้ระบบย่อยอาหาร โดยเฉพาะเอนไซม์ย่อยอาหารทำงานได้ไม่เต็มที่ ส่งผลให้รู้สึกท้องอืด อาหารไม่ย่อย หรือรู้สึกอึดอัดได้
นอกเหนือจากโรคกรดไหลย้อน ท้องอืดอาจเกิดได้จาก โรคกระเพาะอาหารอักเสบซึ่งอาจเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย โรคแผลในกระเพาะอาหารที่เยื่อบุกระเพาะอาหารถูกทำลายโดยกรด และน้ำย่อย โรคมะเร็งทางเดินอาหารหรือลำไส้จากความผิดปกติในการเจริญเติบโตของเซลล์ การติดเชื้อพยาธิในลำไส้ และโรคลำไส้แปรปรวนหรือโรคไอบีเอส ที่ลำไส้ทำงานผิดปกติ เป็นต้น
ท้องอืด-ท้องเฟ้อ เหมือนกันหรือไม่
ท้องอืด ท้องเฟ้อ คงเป็นคำเรียกอาการที่บางคนพูดกันจนติดปาก และอาจคิดว่า ทั้งสองอาการนี้ คือ อาการเดียวกัน แม้ว่า ท้องอืด ท้องเฟ้อ จะเป็นอาการที่เกิดจากการมีลมในกระเพาะอาหาร และลำไส้เช่นเดียวกัน แต่ท้องอืดอาการที่เกิดขึ้น ได้แก่ อาการแน่นท้อง เรอ และผายลมบ่อย อาจมีเสียงโครกครากในท้อง ในขณะที่ท้องเฟ้อ เมื่อเรอจะมีกลิ่นเหม็นเปรี้ยวจากอาหารไม่ย่อยหรืออาหารเป็นพิษ
การรักษา อาการท้องอืดต้องทำอย่างไร
วิธีการรักษาอาการท้องอืดเบื้องต้น สามารถทำได้โดยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการทานอาหาร โดยหลีกเลี่ยงอาหารที่ทำให้เกิดแก๊ส และทานยาขับลมหรือทานยาที่มีประสิทธิภาพในการลดกรด ที่จะช่วยปรับสภาพกรดในกระเพาะอาหารให้เป็นกลาง และบรรเทาภาวะกรดเกิน และอาหารไม่ย่อยจากกรดไหลย้อน ยับยั้งสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการท้องอืดได้อย่างรวดเร็ว
สำหรับใครที่สังเกตว่า มีอาการแน่นท้องท้องอืดติดต่อกันเป็นระยะเวลานานกว่า 2 สัปดาห์ แม้ทานยาแล้ว อาการยังคงไม่ดีขึ้น อย่าชะล่าใจไป ควรเข้าพบแพทย์ เพื่อรับการตรวจ และรักษาที่ตรงจุด เพราะท้องอืดอาการอาจมาจากโรคอันตรายอื่น ๆ ที่คุณอาจนึกไม่ถึง
วิธีดูแลตัวเองเบื้องต้น ป้องกันและบรรเทาอาการท้องอืดมีอะไรบ้าง
4 วิธีการดูแลตัวเองเบื้องต้น เพื่อป้องกันอาการแน่นท้องท้องอืด โดยแต่ละวิธีสามารถทำตามได้ไม่ยาก อีกทั้งยังช่วยให้สุขภาพร่างกายแข็งแรงอีกด้วย
1. การรับประทานอาหาร
ควบคุมปริมาณอาหารในแต่ละมื้อ พร้อมหลีกเลี่ยงอาหารที่ย่อยยาก
และอาหารหรือเครื่องดื่มที่ก่อให้เกิดแก๊สในท้อง เช่น ถั่ว บรอกโคลี น้ำอัดลม เป็นต้น
2. การเคลื่อนไหว
เคลื่อนไหวร่างกายบ่อย ๆ เพื่อช่วยกระตุ้นการย่อยอาหาร ลดโอกาสเกิดอาการท้องอืด
3. การนอนพัก ควบคุมสภาวะความเครียด
พักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อลดความเครียด ป้องกันการเกิดภาวะเครียดลงกระเพาะ
4. การนวด
เมื่อเกิดอาการท้องอืด รู้สึกเหมือนมีลมในกระเพาะ ให้ใช้นิ้วมือกดที่บริเวณกึ่งกลางหน้าท้องเหนือสะดือ และออกแรงเบา ๆ นวดคลึงประมาณ 5 นาที
เมื่อไรที่ควรไปพบแพทย์
กรณีที่ท้องอืดอาการเกิดติดต่อกันนานเกิน 2 สัปดาห์ แม้ทานยาแล้วแต่ยังไม่ดีขึ้นหรือมีอาการร่วมดังต่อไปนี้ เป็นปัญหาที่ทุกคนไม่ควรมองข้าม ควรรีบไปพบแพทย์ เพื่อรับการวินิจฉัย และรับการรักษาด้วยวิธีที่เหมาะสม
- ปวดท้องรุนแรง อาเจียนบ่อยหรืออาเจียนเป็นเลือด
- ท้องเสีย ถ่ายเหลวเรื้อรังหรือถ่ายเป็นเลือด
- ตัว และตาเหลือง เหนื่อยล้าผิดปกติ
- น้ำหนักลดลงโดยไม่ทราบสาเหตุ
ท้องอืด เรอบ่อย ไม่สบายตัว เป็นอาการที่เกิดจากการมีลมหรือแก๊สในกระเพาะ และลำไส้ โดยสามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ ควรสังเกตลักษณะอาการให้ดี และไม่ควรปล่อยทิ้งไว้ สำหรับใครที่รู้สึกแน่นท้องท้องอืดจากอาหารไม่ย่อยจากกรดเกิน สามารถบรรเทาอาการเบื้องต้นได้ด้วยยาบรรเทากรดไหลย้อนจากประเทศอังกฤษที่ออกฤทธิ์ได้อย่างรวดเร็ว ช่วยปรับสภาพกรดในกระเพาะอาหารให้เป็นกลาง และยับยั้งอาการแสบร้อนกลางอก
แหล่งอ้างอิง: