เรียบเรียงโดย
ทีมงานผู้เชี่ยวชาญด้านกรดไหลย้อน จากกาวิสคอน
กรดไหลย้อนเป็นปัญหาสุขภาพที่พบได้บ่อยในยุคปัจจุบัน โดยมีสาเหตุหลัก ๆ มาจากพฤติกรรมการกินที่ไม่เหมาะสม และการรับประทานอาหารบางชนิด ในบทความนี้จะมาตอบคำถาม เป็นกรดไหลย้อนกินอะไรหาย? เป็นกรดไหลย้อนกินอะไรได้บ้าง? อาหารแบบไหนเหมาะกับคนเป็นกรดไหลย้อน? พร้อมแนะนำวิธีปรับพฤติกรรม เพื่อช่วยให้คุณห่างไกลจากการเผชิญโรคนี้

กรดไหลย้อนเกิดจากอะไร?
ก่อนจะไปดูว่า กรดไหลย้อนควรกินอะไร? มาทำความเข้าใจกันว่า กรดไหลย้อนเกิดจากอะไร? กรดไหลย้อนเกิดจากการทำงานที่ผิดปกติของกล้ามเนื้อหูรูดหลอดอาหารส่วนล่าง (Lower Esophageal Sphincter, LES) ที่อยู่ระหว่างหลอดอาหารกับกระเพาะอาหาร โดยปกติกล้ามเนื้อส่วนนี้จะทำหน้าที่เปิดเพื่อให้อาหารผ่านลงกระเพาะ และปิดทันทีหลังกลืนเพื่อป้องกันไม่ให้กรดหรือน้ำย่อยในกระเพาะอาหารไหลย้อนกลับขึ้นสู่หลอดอาหาร หากกล้ามเนื้อหูรูดนี้คลายตัว หรือทำงานผิดปกติ กรดหรือน้ำย่อยจะสามารถย้อนขึ้นไปหลอดอาหารได้
นอกจากนี้ การเป็นกรดไหลย้อนก็ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่สามารถกระตุ้นอาการกรดไหลย้อน ได้แก่
- พฤติกรรมการใช้ชีวิต เช่น กินแล้วนอนทันที กินอาหารมื้อหนัก กินของมัน ของทอด อาหารรสจัด หรือดื่มแอลกอฮอล์ - - น้ำอัดลม และคาเฟอีน รวมถึงมีพฤติกรรมสูบบุหรี่
- น้ำหนักเกินหรือโรคอ้วน ทำให้แรงดันในช่องท้องสูงขึ้น ส่งผลให้เกิดกรดไหลย้อนได้
- ความเครียด และการพักผ่อนไม่เพียงพอ ส่งผลต่อการควบคุมกล้ามเนื้อหูรูดหลอดอาหาร และการหลั่งกรดในกระเพาะอาหาร
- อยู่ในระหว่างตั้งครรภ์

อาหารสําหรับคนเป็นกรดไหลย้อน มีอะไรบ้าง?
1. อาหารโปรตีนไขมันต่ำ เช่น เนื้อปลา อกไก่ ไข่ขาว เต้าหู้ขาว นมไขมันต่ำ
2. อาหารไฟเบอร์สูง เช่น ธัญพืช เช่น ข้าวโอ๊ต ขนมปังโฮลวีท ข้าวสีน้ำตาล รวมถึงผัก และผลไม้มีความเป็นกรดต่ำ เช่น กล้วย แคนตาลูป แอปเปิล แตงโม ลูกแพร์
3. อาหารไขมันดี เช่น อะโวคาโด น้ำมันมะกอก น้ำมันงา
4. อาหารที่ปรุงโดยการต้ม นึ่ง อบ แทนอาหารที่ผ่านการทอดหรือผัด
5. เมื่อเป็นกรดไหลย้อนควรกินอะไร? สามารถดื่ม “น้ำขิง” เพราะมีส่วนช่วยในการทำงานของระบบย่อยอาหาร ลดอาการท้องอืด และลดความเป็นกรดในกระเพาะอาหาร
อาหารที่ควรหลีกเลี่ยงสำหรับกรดไหลย้อนมีอะไรบ้าง?
เมื่อรู้แล้วว่า เป็นกรดไหลย้อนควรกินอะไร? มาดูลิสต์อาหารที่ควรหลีกเลี่ยงกันด้านล่างนี้
1. อาหารไขมันสูง เช่น อาหารมัน อาหารทอด อาหารรสจัด เช่น อาหารสเผ็ด เปรี้ยว เค็มจัด รวมถึงอาหารหมักดอง
2. ผลิตภัณฑ์นมถั่วเหลือง ทำให้ท้องอืด เพราะเกิดแก๊สในช่องท้องมากขึ้น
3. ผักหรือผลไม้ที่มีกรด และแก๊สมาก เช่น มะเขือเทศ ส้ม เลมอน ส้มโอ มะนาว สับปะรด ถั่ว รวมถึงผักที่ทำให้กล้ามเนื้อหูรูดของอาหารส่วนล่างคลายตัว เช่น หอมใหญ่ ต้นหอม กระเทียม สะระแหน่
4. พืชตระกูลพริก เช่น พริกขี้หนู พริกชี้ฟ้า พริกหยวก และ พริกหวาน เป็นต้น เพราะสามารถทำลายเยื่อบุของหลอดอาหาร ควรบริโภคในปริมาณน้อย
5. ช็อกโกแลต ขนมหวานไขมันสูง
6. เครื่องดื่มคาเฟอีน เช่น ชา กาแฟ น้ำอัดลม เพราะเป็นเครื่องดื่มที่กระตุ้นการหลั่งกรดในกระเพาะอาหาร
7. เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกประเภท โดยเฉพาะไวน์แดง
8. เครื่องดื่มที่มีรสเปรี้ยวหรือเป็นกรด รวมถึงหลีกเลี่ยงการปรุงรสอาหารด้วยน้ำส้มสายชู
เป็นกรดไหลย้อน ควรทานน้ำอย่างไร?
1. เป็นกรดไหลย้อนควรดื่มน้ำเปล่าเป็นหลัก และหลีกเลี่ยงน้ำที่มีแก๊สหรือมีความเป็นกรดสูง
2. เป็นกรดไหลย้อนควรจิบน้ำเปล่าหรือดื่มน้ำทีละน้อยแต่บ่อยครั้ง แทนการดื่มปริมาณมากในคราวเดียว เพราะอาจทำให้แรงดันในกระเพาะอาหารเพิ่มขึ้น กระตุ้นให้เกิดอาการกรดไหลย้อนได้
3. เป็นกรดไหลย้อนไม่ควรดื่มน้ำระหว่างมื้ออาหารมากเกินไป เพราะอาจไปเพิ่มแรงดันในกระเพาะ ทำให้เสี่ยงต่อการเกิดกรดไหลย้อน

วิธีรักษากรดไหลย้อนให้หายขาดโดยการปรับพฤติกรรม ทำได้อย่างไร?
การรักษากรดไหลย้อนให้หายขาด สามารถทำได้ง่าย ๆ ด้วยการตระหนักรู้ว่า เมื่อเป็นกรดไหลย้อนกินอะไรได้บ้าง พร้อมปรับพฤติกรรม โดยเน้นที่การเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต และการควบคุมปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ ดังต่อไปนี้
1. กินบ่อยโดยแบ่งเป็นมื้อเล็ก ๆ แทนมื้อใหญ่ และเคี้ยวอาหารให้ละเอียด กินให้ช้าลง
2. ลดน้ำหนักในกรณีมีน้ำหนักเกินหรืออ้วน เพราะน้ำหนักส่วนเกินเพิ่มแรงกดดันในช่องท้อง ทำให้เกิดอาการกรดไหลย้อนง่ายขึ้น
3. หลีกเลี่ยงอาหารไขมันสูง เพราะย่อยยาก และทำให้ท้องอืด
4. หลีกเลี่ยงอาหาร และเครื่องดื่มที่เพิ่มปริมาณกรดในกระเพาะอาหาร เช่น เครื่องดื่มคาเฟอีน น้ำโซดา
5. หลีกเลี่ยงอาหารที่ทำให้ระคายเคือง และเกิดความเสียหายต่อเยื่อบุหลอดอาหาร เช่น น้ำที่คั้นจากพืชตระกูลส้ม และพืชตระกูลส้ม มะเขือเทศ พืชตระกูลพริก
6. หลีกเลี่ยงอาหารที่ทำให้เกิดความดัน ทำให้กรดไหลย้อนเข้าไปในหลอดอาหาร เช่น น้ำอัดลม นมถั่วเหลือง
7. การปฏิบัติตัวที่สามารถช่วยลดและป้องกันอาการแสบร้อนกลางอก แสบร้อนคอ
- เคี้ยวหมากฝรั่งที่ไม่มีส่วนผสมของมินท์ หรืออมยาอม
- รับประทานยาลดกรดและบรรเทากรดไหลย้อน
- ดื่มน้ำเพื่อช่วยลดกรดในกระเพาะอาหารและล้างกรดที่เคลือบหลอดอาหารออก
8. เป็นกรดไหลย้อนควร งดรับประทานอาหาร 3 - 4 ชั่วโมงก่อนนอน
9. เปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต เพื่อลดอาการแสบร้อนกลางอก เช่น หยุดพฤติกรรมสูบบุหรี่ ยกหัวเตียงหรือใช้เตียงปรับระดับให้ส่วนบนของร่างกายสูงขึ้นประมาณ 6 นิ้ว
10. ออกกำลังกายแบบแอโรบิก เพื่อป้องกันอาการท้องผูก ซึ่งการออกกำลังกายแบบแอโรบิกจะให้ลำไส้เคลื่อนไหวให้ดีขึ้น ลดอาการจุกเสียดอาหารไม่ย่อย ทำให้อาหารอยู่ในกระเพาะในระยะเวลาที่สั้นลง ลดโอกาสที่จะเกิดกรดไหลย้อน
11. จัดการความเครียด และนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
แม้ว่า การหลีกเลี่ยงอาหารบางชนิด และปรับพฤติกรรมจะเป็นแนวทางสำคัญในการลดความเสี่ยง และบรรเทาอาการกรดไหลย้อน แต่หากอาการยังคงไม่ดีขึ้น ทำให้หลายคนอาจสงสัยว่าเป็นกรดไหลย้อนกินอะไรถึงจะหาย หรือมีวิธีไหนที่สามารถบรรเทาอาการได้อีกบ้าง? นอกเหนือจากการปรับพฤติกรรมในการเลือกกินแล้วก็สามารถใช้ยาลดกรดและบรรเทากรดไหลย้อนจากประเทศอังกฤษที่มี 2 กลไกการออกฤทธิ์ ทั้งช่วยปรับสภาพกรดในกระเพาะอาหารให้เป็นกลาง พร้อมสร้างชั้นแพเจล เพื่อป้องกันกรดไหลย้อนขึ้นสู่หลอดอาหาร ออกฤทธิ์ภายใน 5 นาที และยาวนานถึง 4 ชั่วโมงได้อีกด้วย